การเกิดฝนเปนขั้นตอนหนึ่งของวัฏจักรน้้ำ (Water cycle) ดังแสดงในรูปที่ 1 เปนที่ทราบกันโดยทั่วไปวาน้ำเมื่อไดรับความร้อนก็จะระเหยเปลี่ยนสถานะภาพเปนก๊าซที่เรียกวาไอน้้ำลอยขึ้นสูบรรยากาศเมื่อไอน้ำกระทบกับความเย็นก็จะควบแนนจับตัวเปนกอนเมฆและเมื่ออนุภาคของไอน้ําจับตัวจนมีขนาดตางๆ กันในกอนเมฆ เมื่อมีขนาดใหญจนไมสามารถลอยตัวอยูในกอนเมฆไดก็จะตกมาเปนฝน และบางครั้งฝนก็ตกแผเปนบริเวณกว้างถึงร้อยๆ กิโลเมตรก็มีอยางไรก็ตามในขณะนี้ยังไมมีนักอุตุนิยมวิทยาคนใดเขาใจการกลไกเกิดของฝนไดอยางสมบูรณ์
รูปที่ 1 วัฏจักรน้ำ (Water cycle)
ไอน้ำต้องการอนุภาคเล็กๆ ที่แขวนลอยอยูในอากาศเปน แกนควบแนน(condensation nuclei) แกนควบแนนเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ํา (Hygroscopic)ดังเชน ฝุน ควัน เกสรดอกไม
หรืออนุภาคเกลือ ซึ่งมีขนาดประมาณ 0.0002 มิลลิเมตร หากปราศจากแกนควบแนนแล้วไอน้ำบริสุทธิ์ไมสามารถควบแนนเปนของเหลวไดถึงแมจะมีความชื้นสัมพัทธมากกวา 100% ก็ตาม
ฝนที่ตกลงมายังพื้นดินไดนั้นจะต้องมีเมฆเกิดในทองฟากอน เมฆมีอยูหลายชนิดและมีบางชนิดเทานั้นที่มีฝนตก เราไดกลาวไวในเรื่องการเกิดของเมฆวาไอน้ําจะกลั่นตัวเปนเมฆ ก็ตอเมื่อมีแกนควบแนน (Condensation nuclei) อยูเปนจํานวนมากเพียงพอและไอน้ำจะเกาะตัวบนอนุภาคเหลานั้นรวมกันทําใหเห็นเปนเมฆ เมฆจะกลั่นตัวเปนน้ําฝนไดก็ตองมีอนุภาคแข็งตัว (Freezingnuclei)หรือเม็ดน้ําขนาดใหญ ซึ่งจะดึงเม็ดน้ำขนาดเล็กมารวมตัวกันจนเกิดเปนเม็ดฝน
สภาวะของน้ําที่ตกลงมาจากทองฟานั้น อาจจะเปนลักษณะของฝนหิมะ ฝนละอองหรือลูกเห็บ ซึ่งเราเรียกสิ่งเหลานี้รวมวาเปน น้ําฟา (Precipitation) การที่น้ําฟาจะตกลงมาเปนฝนหรือหิมะนั้นขึ้นอยูกับอุณหภูมิของอากาศวารอนเย็นแคไหน ลักษณะของหิมะหรือผลึกน้ําแข็งเล็กๆ แตละอันจะมีรูปรางตางๆกัน แตมีลักษณะที่คลายกันอยูอยางหนึ่งคือ หิมะหรือผลึกน้ําแข็งสวนมากจะเปนรูปหกเหลี่ยมทั้งสิ้น ดแสดงในรูปที่ 2
รูปที่ 2 ผลึกน้ําแข็งรูปหกเหลี่ยม
น้ําฟาตองเกิดจากเมฆ ถาไมมีเมฆจะไมมีน้ำฟ้าแตเมื่อมีเมฆก็ไมจําเปนจะตองมีน้ำฟาเสมอไป เพราะมีเมฆหลายชนิดที่ลอยอยูในทองฟาเฉยๆ ไมตกลงมาและมีบางชนิดเทานั้นที่ทําใหเกิดน้ําฟาได
เราไดเคยกลาวไวกอนแลววาเมื่ออากาศเย็นลงไอน้ําในบรรยากาศจะเกิดการกลั่นตัว(Condensation) เปนเมฆหรือหมอก เมฆหรือหมอกคือเม็ดน้ําเล็กๆ ซึ่งมีไอน้ํารวมตัวกันเกาะอยูบนอนุภาคดูดน้ํา (hygroscopicparticles) เชน อนุภาคเกลือเปนตน เราเรียกอนุภาคชนิดนี้วาอนุภาคกลั่นตัว อนุภาคกลั่นตัวนี้มีในธรรมชาติและมีความสําคัญในการชวยใหไอน้ํากลั่นตัวเปนเมฆหรือหมอกงายขึ้น ถ้าไมมีอนุภาคกลั่นตัวไอน้ําจะเปลี่ยนเปนหมอกหรือเมฆไดยากมาก
เราไดกลาวแลววา เมฆประกอบดวยเม็ดน้ําและเม็ดน้ําแข็งขนาดเล็กมากเมื่อขนาดยังไมโตพอ เม็ดน้ําและเม็ดน้ําแข็งจะลอยอยในบรรยากาศเนื่องจากมีกระแสลมพัดขึ้นตามแนวตั้งคอยตานปะทะไมให้ตกลงมาตามธรรมดาเส้นผาศูนยกลางของเม็ดเมฆจะมีคาประมาณ 0.01 ถึง 0.02 มิลลิเมตร หรือเทากับ 10 ถึง 20 ไมครอน (1,000ไมครอน = 1มิลลิเมตร) เม็ดเมฆขนาด 10 ไมครอนนี้จะไมตกลงมายังพื้นดิน ตอเมื่อเม็ดเมฆรวมกันโตจนมีเสนผาศูนยกลางถึง 1 มิลลิเมตร หรือ 1,000 ไมครอน หรือใหญกวานี้ มันจะตกลงมาจากเมฆ ตามธรรมดาแล้วเม็ดฝน 1 เม็ด เกิดมาจากเม็ดเมฆรวมกันมากกวา 1 ลานเม็ดในรูปที่ 3 เปรียบเทียบขนาดเม็ดฝนตางๆ ดังนั้นจึงมีปัญหาวา เม็ดเมฆจํานวนมากกวา 1 ลานเม็ดนั้นรวมกันเปนฝน 1 เม็ดไดอยางไร ความรูในกลไกการรวมตัวนี้ยังไมสามารถทราบอยางชัดเจน แตในขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ไดตั้งทฤษฎีของการรวมตัว (Coalescence) ของเม็ดเมฆจนเกิดเปนฝนไว 2 กระบวนการใหญๆ คือกระบวนการการชนกันแล้วรวมตัวกัน(Collision-coalescence-process)และกระบวนการเบอร์เจอรอน (Bergeron process)
![]() |
รูปที่ 3 เปรียบเทียบขนาดเม็ดเมฆ แบบธรรมดา เม็ดขนาดใหญ เม็ดฝนปรอยขนาดใหญและเม็ดฝนขนาดธรรมดา |
1 กระบวนการการชนกันแลวรวมตัวกัน (Collision-coalescence-process) การจับตัวรวมกัน (Capture process) หรือกระบวนการของฝนในเขตรอน (Warm rain process) กระบวนการที่มีชื่อตางๆ กันทั้ง 3 อยางนี้เปนกระบวนการเดียวกัน ซึ่งมีสมมุติฐานวา ในกอนเมฆกอนหนึ่งจะมีเม็ดเมฆ (Clouddroplets) ขนาดตางๆ หลายขนาดเม็ดเมฆขนาดใหญมีการเคลื่อนที่เร็วกวาเม็ดเมฆขนาดเล็ก จึงเคลื่อนเขาชนเม็ดขนาดเล็กในทางเดินของมัน จะมีอัตราและทิศของการเคลื่อนตัวตางกับเม็ดเมฆขนาดเล็ก โดยเหตุนี้เม็ดขนาดใหญและเล็กจึงชนกันเกิดการรวมตัวใหมีขนาดใหญยิ่งขึ้น (Collision and coalescence) ดังแสดงในรูปที่ 4 พฤติการณนี้จะเกิดซ้ําๆ ตอเนื่องกันอยางรวดเร็วจนเกิดเม็ดน้ําใหญมาก
และเม็ดใหญๆ จะแตกแยกออกแลวเกิดกรรมวิธีซ้ําๆ กัน อีกจนเกิดเปนปฏิกิริยาลูกโซทําใหเกิดฝนมากไดกรรมวิธีนี้เปนกรรมวิธีของการเกิดฝนในเขตรอน ซึ่งเมฆมีอุณหภูมิสูงกวา 0 °C
![]() |
รูปที่ 4 กระบวนการการชนกันแลวรวมตัวกัน (Collision-coalescence-process)
|
2 กระบวนการเบอรเจอรอน (Bergeron process)เปนกระบวนการการเกิดฝน ในเขตที่มีอากาศหนาวเย็น เชน ในเขตละติจูดสูง หรือบนเทือกเขาสูงรูปแบบของการเกิดหยาดน้ําฟาจะแตกตางไปจากเขตรอน หยดน้ําบริสุทธิ์ในก้อนเมฆไมไดแข็งตัวที่อุณหภูมิ 0 °C หากแตแข็งตัวที่อุณหภูมิประมาณ -40°C เราเรียกน้ําในสถานะของเหลวที่อุณหภูมิต่ํากวา 0 °C นี้วา น้ําเย็นยิ่งยวดจะเปลี่ยนสถานะเปนของแข็งไดก็ตอเมื่อกระทบกับวัตถุของแข็งอย่างทันทีทันใดยกตัวอยาง เมื่อเครื่องบินเขาไปในเมฆชั้นสูงก็
จะเกิดน้ําแข็งเกาะที่ชายปกด้านหน้าการระเหิดกลับ(Deposition) เชนนี้จําเปนจะต้องอาศัยแกนซึ่งเรียกวาแกนน้ําแข็ง (Ice nuclei)เพื่อใหไอน้ําจับตัวเปนผลึกน้ําแข็ง ในกอนเมฆมีน้ําครบทั้งสามสถานะและมีแรงดันที่แตกตางกัน ไอน้ําระเหยจากละอองน้ําโดยรอบ แลวระเหิดกลับรวมตัวเขากับผลึกน้ําแข็งอีกทีหนึ่ง ทําใหผลึกน้ําแข็งมีขนาดใหญขึ้น ดังแสดงในรูปที่ 5 เมื่อผลึกน้ําแข็งมีขนาดใหญและมีน้ําหนักมากพอที่จะชนะแรงพยุง (Updraft) มันจะตกลงมาดวยแรงโนมถวงของโลกและปะทะกบหยดน้ำเย็นยิ่งยวดซึ่งอยู่ด้านลาง ทําใหเกิดการเยือกแข็งและรวมตัวใหผลึกมีขนาดใหญยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้นผลึกอาจจะปะทะกันเองจนทําใหเกิดผลึกขนาดใหญที่เรียกวา เกล็ดหิมะ (Snow flake) ในเขตอากาศเย็น หิมะจะตกลงมาถึงพื้น แตในวันที่มีอากาศร้อน หิมะจะเปลี่ยนสถานะกลายเปน ฝน เสียกอนแล้วจึงตกถึงพื้น
![]() |
รูปที่ 5 กระบวนการเบอรเจอรอน (Bergeron process) |
คำถาม
1. แกนควบแนนเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร
ตอบ เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ํา (Hygroscopic)
2. หากปราศจากแกนควบแนนแล้วไอน้ำบริสุทธิ์จะสามารถควบแน่นเป็นของเหลวได้หรือไม่
ตอบ ไมสามารถควบแนนเปนของเหลวไดถึงแมจะมีความชื้นสัมพัทธมากกวา 100% ก็ตาม
3. ถาไมมีเมฆจะไมมีน้ำฟ้าแตถ้ามีเมฆจำเปนต้องมีน้ำฟ้าหรือไม่
ตอบ ไม่จำเป็นต้องมีน้ำฟ้าเสมอไป
4.น้ําที่ตกลงมาจากทองฟาอาจจะเปนลักษณะของฝนหิมะ ฝนละอองหรือลูกเห็บ สิ่งเหล่านี้เรียกรวมว่าอย่างไร
ตอบ น้ําฟา (Precipitation)
5. หยดน้ําบริสุทธิ์ในก้อนเมฆแข็งตัวที่อุณหภูมิเท่าใด
ตอบ แข็งตัวที่อุณหภูมิประมาณ -40°C
6. เราเรียกน้ําในสถานะของเหลวที่อุณหภูมิต่ํากวา 0 °C นี้วาอะไร
ตอบ น้ําเย็นยิ่งยวด
7. เราอาศัยแกนน้ำแข็งเพื่ออะไร
ตอบ เพื่อใหไอน้ําจับตัวเปนผลึกน้ําแข็ง
8. การรวมตัวใหผลึกมีขนาดใหญ ผลึกอาจจะปะทะกันเองจนทําใหเกิดผลึกขนาดใหญเรียกวาอะไร
ตอบ เกล็ดหิมะ (Snow flake)
9. หิมะจะตกลงมาถึงพื้น แตในวันที่มีอากาศร้อน หิมะจะเปลี่ยนสถานะกลายเปนอะไร
ตอบ ฝน
10. เมฆจะกลั่นตัวเปนน้ําฝนไดก็ตองมีอนุภาคแข็งตัว (Freezingnuclei) ซึ่งจะดึงเม็ดน้ำขนาดเล็กมารวมตัวกันจนเกิดเปนอะไร
ตอบ เม็ดฝน
อ้างอิง
สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชนฯเลมที่ 4 การเกิดฝน โดย นาวาเอกเจริญ เจริญรัชตภาคย
โครงการเรียนรูเรื่องโลกและอวกาศ
http://202.129.59.73/wm/Water/water9/water9.pdf
นางสาวเพ็ญพร ปิ่นหิรัญกาญจน์ ม.5/3 เลขที่ 20
ตอบ ไม่จำเป็นต้องมีน้ำฟ้าเสมอไป
4.น้ําที่ตกลงมาจากทองฟาอาจจะเปนลักษณะของฝนหิมะ ฝนละอองหรือลูกเห็บ สิ่งเหล่านี้เรียกรวมว่าอย่างไร
ตอบ น้ําฟา (Precipitation)
5. หยดน้ําบริสุทธิ์ในก้อนเมฆแข็งตัวที่อุณหภูมิเท่าใด
ตอบ แข็งตัวที่อุณหภูมิประมาณ -40°C
6. เราเรียกน้ําในสถานะของเหลวที่อุณหภูมิต่ํากวา 0 °C นี้วาอะไร
ตอบ น้ําเย็นยิ่งยวด
7. เราอาศัยแกนน้ำแข็งเพื่ออะไร
ตอบ เพื่อใหไอน้ําจับตัวเปนผลึกน้ําแข็ง
8. การรวมตัวใหผลึกมีขนาดใหญ ผลึกอาจจะปะทะกันเองจนทําใหเกิดผลึกขนาดใหญเรียกวาอะไร
ตอบ เกล็ดหิมะ (Snow flake)
9. หิมะจะตกลงมาถึงพื้น แตในวันที่มีอากาศร้อน หิมะจะเปลี่ยนสถานะกลายเปนอะไร
ตอบ ฝน
10. เมฆจะกลั่นตัวเปนน้ําฝนไดก็ตองมีอนุภาคแข็งตัว (Freezingnuclei) ซึ่งจะดึงเม็ดน้ำขนาดเล็กมารวมตัวกันจนเกิดเปนอะไร
ตอบ เม็ดฝน
อ้างอิง
สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชนฯเลมที่ 4 การเกิดฝน โดย นาวาเอกเจริญ เจริญรัชตภาคย
โครงการเรียนรูเรื่องโลกและอวกาศ
http://202.129.59.73/wm/Water/water9/water9.pdf
นางสาวเพ็ญพร ปิ่นหิรัญกาญจน์ ม.5/3 เลขที่ 20
Download Free Spades Card Game Free - ITNCORE.COM
ตอบลบSpades Card Game Free. titanium nail Spades Free - Download: Free Spades titanium rod Card Game is one of the most exciting free micro touch trimmer card game applications. titanium vs platinum It has an titanium trimmer as seen on tv exciting interface and